ผนังอิฐมวลเบา ซึ่งอาจเรียกว่าอิฐมวลเบา ได้รับความนิยมในปัจจุบันมากขึ้น เนื่องจากข้อดีคือมีน้ำหนักเบา ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.1505-2541 จึงทำให้ได้ขนาดมาตรฐานเท่ากันทุกก้อน มีคุณสมบัติสามารถทนไฟ เป็นฉนวนป้องกันความร้อน ป้องกันเสียง และสามารถตัดแต่งให้เข้ารูปในการใช้งานง่าย จึงช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดต้นทุนของงานได้
อิฐมวลเบา ทำจากวัสดุธรรมชาติ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนขาว ยิปซั่ม และสารอลูมิเนียม โดยตัวก้อนมวลเบาจะเป็นก้อนตัน ไม่มีรูกลวง เช่นอิฐบล๊อก ในกระบวนการผลิตจะทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กกระจายสม่ำเสมอในเนื้ออิฐ โดยมีลักษณะเป็นรูไม่ต่อเนื่องกัน และทำให้อิฐแข็งด้วยเครื่องอบไอน้ำ
1. ทำความสะอาดพื้นที่ก่อ โดยปัดกวาดเศษปูนออก สกัดปูนออกจากเสาและคาน
2. หาแนวการก่อ ตีเส้นเป็นแนว เริ่มการก่อโดยราดน้ำลงพื้น
3. ก่อแถวแรกโดยใช้ปูนทรายช่วยในการปรับระดับพื้น ก่อที่มุมเสาทั้ง 2 มุม และขึงเอ็นเป็นแนวก่อระหว่างก้อน
4. ก่อขึ้นไปเป็นชั้น ๆ โดยขึงเอ็นเป็นแนวทุกชั้น หรือก่ออิฐที่มุมขึ้นไปก่อน 2-3 ชั้น แล้วขึงเอ็น ก่อได้ตามความสูงที่ต้องการหรือควรสูงไม่เกิน 1.50 ม. ควรตรวจสอบระดับทุก ๆ 5 ชั้น ทิ้งให้ผนังปูนก่อแห้งแล้วจึงก่อในชั้นต่อไปเรื่อย ๆ
5. กรณีเหลือช่องว่างในการก่อขนท้องคานหรือพื้น ให้ทิ้งผนังไว้ 1 วัน ก่อนก่อปิดด้วยอิฐมอญหรือปูนทราย
CR: ภาพ และข้อมูลจากหนังสือ งานก่อและตกแต่งผิว โดย รศ.วิสูตร จิระดำเกิง